ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางไปยุโรปของดา ดาเลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ครั้งนีเให้กับเพื่อนๆ ถ้าหากผิดพลาดประการ ก็ขออภัยด้วยนะจ๊ะ ^^
ประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่ดาใฝ่ฝันอยากไปมากเพราะเป็นประเทศที่สวยงามและเป็นระเบียบมากๆ และดาเองก็เรียนภาษาเยอรมันอยู่และต้องการที่จะไปเรียนต่อโทที่นู้นด้วย เลยขอไป survey ประเทศเค้าก่อน
ตอนแรกก็กะว่าจะไปแค่ 2 อาทิตย์เพราะทำงานอยู่ แต่แฟนบอกว่าไป 2 อาทิตย์จะเที่ยวอะไรได้เยอะล่ะ ลา 1 เดือนไปเลย (แหม... มันก็จริงอยู่หรอกนะ แต่ที่ทำงานจะให้เหรอ) ก็เลยลองไปคุยกับหัวหน้าขอลา 1 เดือน ปรากฏว่าได้ค่ะ จริงๆ ก่อนไปคุยนี่มีตั๋วบินแล้วด้วยนะ แฟนบอกให้จองล่วงหน้าเพราะราคายังถูกอยู่ก็เลยได้ราคาที่ถูกที่สุด ณ ตอนนั้น คือ ราคา 31,000 บาท ขาไปบินกับ Luftansa เป็นไฟล์ทตรงจากไทยลงที่เมือง Frankfurt ส่วนขากลับบินกลับ Swiss Air จากเมือง Düsseldorf ไปต่อที่ Zurich แล้วค่อยกลับมาที่ไทยอีกทีค่ะ
ตอนไปขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยากอะไร ก็คือเตรียมเอกสารไปให้ครบตามที่เว็บไซต์สถานฑูตเยอรมนี แล้วก็เตรียมตัวตอบคำถามเจ้าหน้าที่ หลายคนบอกว่าเจ้าหน้าที่พูดจาไม่ดี บางคนก็ไปหลายครั้ง เราก็เริ่มกังวลและ จริงเหรออ่ะ แล้วเราจะได้วีซ่ามั้ยเนี่ย เลยค้นหาข้อมูลจากหลายๆ เว็บว่าเขาถามอะไรบ้าง ควรตอบยังไง แต่พอไปจริงๆ เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ได้พูดจาไม่ดีนะคะ เขาก็ถามธรรมดาแต่เสียงแข็งๆ เท่านั้นเอง สรุปการการขอวีซ่าก็ผ่านฉลุย
ต่อมาเรื่องเตรียมกระเป๋า เนื่องจากดาไปหน้าร้อนของเค้า ก็ไม่ได้เอาเสื่้อกันหนาวอะไรไปมาก แต่เตรียมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นไปด้วย และไม่ต้องเอาอะไรไปมาก อย่างพวกแชมพู ครีม เอาไปแค่ขวดเล็กพอ หมดค่อยซื้อเอาที่นู้น ของพวกนี้ที่เยอรมันราคาถูกอยู่ค่ะ และก็ควรเผื่อน้ำหนักขากลับด้วยเพราะเขาให้น้ำหนักกระเป๋าที่ 23 กิโลกรัม สรุปทริปนี้ ดาเตรียมของไปดังนี้
- กางเกงยีนส์ขายาว 3 ตัว ขาสั้น 2 ตัว
- เสื้อยืด 2 ตัว
- เสื้อแขนยาว 4 ตัว
- เสื่อกันหนาว 3 ตัว
- ชุดฟรุ้งฟริ้งกับรองเท้าอีก 1 ชุด (จริงๆ ไม่ได้ฟรุ้งฟริ้งหรอก แค่ดูดีและเรียบร้อย แฟนให้เอาไปด้วยประมาณว่าเผื่อใส่ไปทานข้าวกับพ่อแม่แฟนในร้านอาหาร ก็เลยต้องมีชุดดีๆ 1 ชุด ซึ่งจริงๆ ไม่ได้ใช้เลยจ้า เพราะว่าหนาวเลยใส่กางเกงไปแทน คราวหน้าไม่เอาไปแล้ว T_T เสียใจอ่ะ)
- ผ้าพันคอ 2 ผืน (เอาไว้ใส่ตอนแุคมป์ปิ้ง เพราะค่ำๆ จะเริ่มหนาว)
- ถุงเท้า 6 คู่
- รองเท้าปีนเขา 1 คู่ และรองเท้าเดินเที่ยวอีก 1 คู่
- รองเท้าแตะ 1 คู่ (เอาไปอาบน้ำตอนแคมป์ปิ้ง)
- หมวกแก๊ป 1 ใบ (แดดที่นู้น ร้อนเหมือนกันนะคะ แต่ประมาณว่าทำให้เราอุ่นมากกว่า คนที่นู้นจึงชอบออกมารับแดดกัน)
- ของใช้ส่วนตัว
- ยาประจำตัว
มีแค่นี้เอง ปาไป 12 กิโลแล้วจ้า พยายามเอาไปน้อยแล้วนะเนี่ย เผื่อของขากลับด้วย
ทริปนี้ดาจะเน้นเที่ยวแบบประหยัด คือ เที่ยวสไตล์แคมปปิ้ง ค่ำไหนนอนนั่นเพราะแฟนดามีรถแบบนอนได้ แต่ก็มีบ้างที่นอนค้างบ้านครอบครัวของแฟนกับบ้านแม่ของดา
เอาล่ะ ถึงเวลาบินไปเยอรมันแล้ว ตื่นเต้นจังเลย บินคนเดียวด้วยอ่า (เพราะแฟนชิ่งบินตัดหน้าไปแล้ว อ่ะ ไม่ใช่ เขาต้องกลับไปก่อนอยู่แล้วค่ะ) ดาไปเช็คอินก่อนเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เช็คกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็เข้าไปข้างในแล้วเดินหา Gate ก่อนเลย แล้วค่อยเดินไปดูของที่ Duty Free ฆ่าเวลา
ถึงเวลาบินแล้ว ไฟล์ทของดาเป็นไฟล์ทกลางวันพยายามจะนอนให้ได้มากที่สุดแต่ก็นอนไม่ค่อยหลับ ก็ดูหนัง ฟังเพลงไปเรื่อยๆ จะบอกว่าบริการของ Lufthansa ดีมากค่ะ รู้สึกอิ่มตลอดเวลาตอนอยู่บนเครื่อง คือ มาเสิร์ฟมื้อถัดไปแล้ว แต่ยังรู้ว่าอิ่มจากมื้อที่แล้วอยู่เลย
เปี่อยอยู่บนเครื่องหลายชั่วโมงก็ถึงประเทศเยอรมันแล้ว เย้!
ตอนมาถึงนี่หมอกเต็มๆ ค่า ฝนตกด้วย (หน้าร้อนจริงอ่ะ) ตอนเอากระเป๋านี้ก็เดินตามกลุ่มคนไทยด้วยกันไป ประมาณว่ารอแล้วรออีกทำไมกระเป๋ายังไม่มา ก็เริ่มสงสัยกันแล้วว่า หรือว่าจะโดนกักกระเป๋าไว้ !(เพราะกระเป๋าแต่ละคนนี่มีมะเขือ ขิง กุ้งแห้งเต็มไปหมด) สรุปคือไปผิด tray จ้า ... แง่ว (ดันไปผิดกันหมดนี่สิ) ไปผิด tray ไม่พอออกผิดประตูด้วยจ้า เดินตามเค้าออกไปแบบงงๆ (ก็ครั้งแรกอ่ะ) จู่ๆ ก็เจอแฟนทัก เราก็อ้าว เอ๋อ กำลังมองหาป้ายจุดที่นัดกับเค้าอยู่พอดี เค้าก็บอกว่า ว่าแล้วต้องออกผิดประตู รอตั้งนาน เห็นท่าไม่ดีเลยเดินมาเช็คอีกฝั่ง 55
วันแรกไปพักที่บ้านพ่อแม่แฟนก่อนเลยค่ะ ซึ่งอยู่ที่ Mannheim ถึงฝนตกแต่รถไม่ติดเหมือนบ้านเราค่ะ ไปเรื่อยๆ แต่ดางงไฟจราจรเพราะสี่แยกนึงนี่เยอะแยะไปหมด ทั้งไฟสำหรับรถยนต์ คนข้ามแล้วก็จักรยาน คือมีระเบียบมาก แม้แต่กระทั่งความเร็ว คนเยอรมันจะเข้มงวดในการขับรถมาก หากขับด้วยความเร็วที่กำหนด แทบจะไม่ติดไฟแดงเลย คือ ผ่านไฟเขียวทุกสี่แยก ส่วนเลนจักรยานก็เป็นของจักรยานเท่านั้น คนจะข้ามถนนก็ต้องดูจักรยานด้วย อยู่ๆ จะดุ่มๆ ข้ามไม่ได้นะคะ เกิดจักรยานชนนี่คนข้ามผิดน้า อีกอย่างหนึ่งที่มาถึงนี่แล้วรู้สึกแปลกใจคือการจอดรถ คือ เขาจอดคร่อมฟุตบาทค่ะ เขาก็มีโรงรถแหละ แต่ถ้าบ้านนึงมีหลายคัน จอดไม่พอก็ต้องจอดคร่อมฟุตบาทหน้าบ้าน
และแล้ววันแรกผ่านไปด้วยดี ได้นอนบนเตียงอุ่นๆ กินอาหารอร่อยๆ แต่เชื่อเลยว่าจะต้อง jetlag แน่นอน