หายไปนานเลย มาต่อจากคราวที่แล้วดีกว่าค่ะ
ก่อนมาตัวเมืองไวมาร์ ดาแวะสถานที่ที่นึงก่อน นั่นก็คือ Buchenwald Memorial สถานที่แห่งนี้เคยเป็นค่ายกักกันนักโทษของทหารนาซีในปี 1937 - 1945 ซึ่งมีนักโทษมากกว่า 250,000 คนถูกกักขังที่นี่ และเสียชีวิตกว่า 50,000 คน
 |
| Buchenwald Memorial (รูปปั้นโดย Fritz Cremen) |
 |
| Buchenwald Memorial |
 |
| Buchenwald Memorial |
 |
| Buchenwald Memorial |
หากใครสนใจความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ บริเวณใกล้เคียงจะมีพิพิทธภัณฑ์และนิทรรศการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ค่ะ
หลังจากนั้นดาก็เดินทางต่อมาที่ไวมาร์ ซึ่งหากจาก Buchenwald Memorial ประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
ถึงแม้ไวมาร์จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่เมืองนี้มีความสำคัญมากทางด้านวัฒนธรรมและการเมืองของเยอรมันมาก เพราะนอกจากจะเป็นต้นกำเนิดของ Bauhaus และเป็นบ้านเกิดนักเขียนชื่อดังอย่างเกอเธอ (Goethe) และชิลเลอร์ (Schiller) แล้ว ยังเป็นเมืองที่รัฐธรรมนูญอันเป็นประชาธิปไตยฉบับแรกได้รับการลงนามหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่นี่อีกด้วยค่ะ
Goethe Nationalmuseum เป็นสถานที่ Johann von Wolfgang Goethe อาศัยและทำงานมากว่า 50 ปีจนกระทั่งเสียชีวิต ถ้าหากใครชื่นชอบผลงานของ Goethe ก็สามารถเข้าไปชมข้างในกันได้ค่ะ สำหรับใครที่ไม่ถนัดภาษาเยอรมัน เขาจะมี audioguide ให้ยืมฟรี ซึ่ง audioguide ตัวนี้จะบรรยายประวัติความเป็นมาและห้องภายในให้เราฟังค่ะ
 |
| Goethe Nationalmuseum ที่ Frauenplan |
 |
| Goethe Nationalmuseum |
 |
| Goethe Nationalmuseum |
เมืองไวมาร์เป็นเมืองที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศเยอรมัน หากเราสังเกตจะเห็นว่าอาคารบ้านเรือนที่นี้จะมีเลขปีคริสตสักราชด้วย อย่างเช่นร้านขายยาร้านนี้มีหมายเลขปี 1567 อยู่บนกำแพงด้วย นั่นหมายความว่าอาคารนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 1567 นั่นเองค่ะ ไม่ว่าอาคารจะมีอายุมากแค่ไหน ชาวเยอรมันจะไม่ปล่อยให้อาคารดูทรุดโทรมเด็ดขาด เขาจะคอยซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีอยู่สม่ำเสมอค่ะ
 |
| ร้านขายยาสร้างเมื่อปี 1567 |
จากนั้นก็ไปต่อที่ Markt กันเลยค่ะ ที่เห็นเด่นสะดุดตา คือ Rathaus
 |
| Rathaus |
ฝั่งตรงข้ามกับ Rathaus จะเห็นอาคารสไตล์เรเนซองส์ที่สวยสะดุดตาชื่อว่า Cranachhaus ซึ่งตั้งตามชื่อของช่างทาสี Lucas Cranach และลูกชายที่เคยอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ค่ะ
 |
| Cranachhaus |
จาก Markt ก็เดินต่อไปที่ลาน Theaterplatz พอมาถึงเราจะเห็นรูปปั้นของ Goethe และ Schiller ตั้งเด่นอยู่หน้า ซึ่งลานตรงนี้มักจะมีการจัดงานอยู่บ่อยๆ อย่างตอนที่ดามาก็มีการจัดงานเช่นกันค่ะ
 |
| รูปปั้น Goethe และ Schiller ที่ลาน Theaterplatz |
 |
| Deutsches Nationaltheater und Staadtkapalle |
เราจะเห็นด้านหลังรูปปั้นเป็นอาคารสีขาวสวยงาม นั่นคือ
Deutsches Nationaltheater und Staadtkapalle เป็นหนึ่งในโรงละครที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเยอรมัน บางคนอาจจะสงสัยว่า "Staadtkapalle" คืออะไรน่ะ Staddtkapalle เป็นวงออเครสต้าที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1491 ถือว่าเป็นหนึ่งในวงออเครสต้าที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นวงออเครสต้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกด้วยค่ะ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่จัดงานแสดงดนตรี โอเปร่า ออเครสต้า และละครต่างๆ
นอกจากที่ Weimar แล้ว ยังมีรูปปั้นจำลองของ Goethe และ Schiller อีกที่ San Francisco, Cleveland, Millwaukee และ Syracuse ในสหรัฐอเมริกาด้วยค่ะ ส่วนอันล่าสุดที่เพิ่งมีเมื่อไม่นานเมื่อปี 2000 ตั้งอยู่ที่เมือง Anting ประเทศจีน ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่ารูปปั้นจริง
เดินในตัวเมืองเบื่อแล้ว ลองไปเดินเล่นในสวน Park an der Ilm กันดีกว่าค่ะ โดยเดินย้อนลงมาผ่าน Schillerstrasse เป็นถนนกว้าง มีต้นไม้ 2 ข้างทาง บรรยากาศร่มรื่นเดินสบายมากๆ ค่ะ
 |
| Schillerstrasse |
 |
| Weimar Haus |
 |
| ร้านอาหารข้างทาง Schillerstrasse |
เดินมาอีกหน่อยจะเจอซุ้มทางเดินรอบล้อมด้วยองุ่น ร่มรื่นและสวยมากๆ เลย
 |
| รูปปั้นชายพุงโต |
 |
| ทางเดินซุ้มองุ่น |
 |
| ตอนเย็นๆ จะมีคนมานั่งเล่นดื่มเบียร์กัน |
สิ่งหนึ่งที่ชอบประเทศเยอรมัน คือ เวลาเดินผ่านบ้านหลังไหนก็ตามหรือแม้แต่ร้านค้า เขาจะมีดอกไม้สวยๆ หลากสีสีนประดับไว้ตรงหน้าต่างหรือหน้าทางเข้าร้านกัน ซึ่งน่ามองและสวยงามๆ ชอบๆ ^^
ก่อนไปสวน Park an der Ilm จะเห็นหอคอยเด่นอยู่ เรียกว่า Bastille ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชวัง Schloss Weimar ปัจจุบันเรียกว่า Stadtschloss ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของเมือง รืมฝั่งแม่น้ำ Ilm และใกล้สวน Park an der Ilm เคยที่พำนักของท่านดยุค Saze-Weimar และ Eisenach ในอดีต พระราชวังแห่งนี้เคยถูกทำลายมาหลายครั้งจากเหตุไฟไหม้ แต่ก็ได้รับการบูรณาการมาตลอด จนปี 1923 กลายเป็น Schlossmuseum เป็นพิทธภัณฑ์ที่เน้นแสดงภาพวาดในศตวรรษที่ 15-16 และงานศิลปะของเมืองไวมาร์
 |
| Bastille ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดส่วนหนึ่งของพระราชวัง Schloss Weimar |
 |
| Stadtschloss |
 |
| Stadtschloss |
 |
| Stadtschloss |
 |
| Stadtschloss |
 |
| Stadtschloss |
ถึงแล้ว Park an der Ilm สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1778 - 1828 จุดเด่นของสวนนี้ก็คือ Goethes Gartenhaus, Romisches haus และ Liszt-haus (สถานที่นักแต่งเพลงพักอยู่เมื่อปี 1848 และเขียนบทเพลง Faust Symphony)
เดินเล่นในสวนสบายมากๆ ถ้าไปเดินในที่ร่มๆ จะรู้สึกเลยว่าหนาว ขอเดินตากแดดดีกว่า อุ่นดี :)
 |
| รูปปั้น Shakespear ในสวน Park an der Ilm |
 |
| รูปปั้น Liszt ในสวน Park an der Ilm |
 |
| ซากปรักหักพังของ Tempelherrenhaus (House of the Templers) ซึ่งถูกทำลายด้วยระเบิดในปี 1945 |
Romisches haus (Roman House) เป็นบ้านหลังแรกสไตล์นีโอคลาสสิก สร้างอยู่ริมแม่น้ำ Ilm ซึ่งเป็นบ้านพักช่วงฤดูร้อนของท่านดยุค Carl August ปัจจุบันภายในจัดงานแสดงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้โดยเสียค่าเข้าคนละ 4 ยูโร สถานที่นี้เป็น "Classical Weimar" และจัดเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ด้วยค่ะ
 |
| Römisches Haus (Roman House) |
 |
| สวนดอกไม้ตรงข้าม Römisches Haus |
 |
| จิตรกรรมฝาผนังของ Römisches Haus |
 |
| น้ำพุและวิวสวน Park an der Ilm ริมแม่น้ำ Ilm |
 |
| มุมทิศตะวันออกของ Römisches Haus |
Goethes Gartenhaus ซึ่งเป็นสถานที่เกอเทอพักอยู่ตั้งแต่ปี 1776 - 1782
 |
| Goethes Gartenhaus |
ชื่อก็บอกอยู่ว่า Goethes Gartenhaus แน่นอนว่าต้องมีสวนดอกไม้แน่ๆ ที่นี่มีดอกไม้หลายชนิด แล้วก็สวยด้วย ถ้ามาหน้าหนาวยิ่งสวยกว่านี้อีกค่ะ
 |
| Goethes Gartenhaus |
 |
| ดอกไม้ในสวน Goethehaus |
 |
| ดอกไม้ในสวน Goethehaus |
 |
| มุมนั่งเล่นในสวน |
 |
| แม่น้ำ Ilm |
ชม Goethes Gartenhaus ก็กลับไปในตัวเมืองที่ครั้ง เดินข้ามสะพานแม่น้ำ Ilm
 |
| ข้ามสะพานแม่น้ำ Ilm ด้านหน้าเป็น Schlossmuseum |
ก่อนไปจากเมืองไวมาร์ ดาเดินเข้าไปในตัวเมืองอีกครั้ง ถ้าเดินจนเมื่อยแล้ว ก็สามารถนั่งรถม้าชมรอบๆ เมืองได้ ซึ่งคนบังคับม้าเป็นทั้งคนขับและไกด์ไปในตัว
 |
| Herderkirche (St. Peter and Paul) |
ด้านบนเป็นรูปของโบสถ์ St.Peter and Paul หรือเรียกอีกอย่างว่า Herderkirche ซึ่งตั้งตามชื่อ Johann Gottfried Herder เป็นตัวโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของเมืองไวมาร์ เรียกว่า Stadtkirche เพราะเป็นโบสถ์ของนิกายลูเธอรันตั้งแต่ปี 1525 หลังจากการปฏิรูปศาสนา และเป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วยค่ะ
เอาล่ะ เที่ยวเมืองไวมาร์เสร็จแล้ว คราวหน้าเราไปต่อกันที่เบอร์ลินนะคะ อย่าลืมติดตามกันนะคะ ^^