The Froggy Journey: November 2014

วันที่ 2 ในเบอร์ลิน วันนี้ตั้งใจมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ค่ะ ซึ่งเป็นบริเวณที่เขาเรียกว่า Museumsinsel หรือ Museum Island ในภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ ซึ่งจะมีด้วยกัน 5 พิพิธภัณฑ์ คือ Bodemuseum, Pergamonmuseum, Neues Museum, Altes Museum และ Altes Nationalgalerie และแน่นอนว่าบริเวณที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO

ถ้าจะเข้าทั้ง 5 พิพิธภัณฑ์ภายในวันเดียวคงไม่ทันแน่นอน เพราะฉะนั้นดาเลยเลือกซื้อตั๋วแบบ Combiticket รู้สึกว่าจะใช้ได้ในระยะเวลา 3 วันนะ (ถ้าจำไม่ผิด) การเลือกซื้อตั๋วต้องดูดีๆ นะคะ เพราะบัตรบางประเภทเข้าได้แค่บางพิพิธภัณฑ์เท่านั้น บางส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่เขาจัดพิเศษก็ต้องเสียเงินเพิ่มต่างหากก็มีค่ะ

Bodemuseum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเหรียญในสมัยต่างๆ รวมถึงศิลปะแบบ Byzantine อันนี้ดาไม่ได้เข้าไป เพราะปิดในวันที่ไปพอดี

Bodemuseum

Neues Museum (New Museum) สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ รูปปั้นจำลองใบหน้าของ Queen Nefertiti รวมถึงมีห้องจัดแสดงของต่างๆ ในยุค Prehistory และ Early History ในห้องที่มี Queen Nefertiti จะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเด็ดขาด แต่เขาจะมีรูปหล่อจำลองให้เราได้สามารถสัมผัสได้ค่ะ บางห้องสามารถถ่ายรูปได้ แต่ห้ามใช้แฟลช แต่บางห้องห้ามถ่ายเด็ดขาด ซึ่งเขาจะมีป้ายบอกไว้ค่ะ นอกจากนี้เราสามารถเช่า audio guide แบบภาษาอังกฤษเพื่อใช้ฟังประกอบกับวัตถุที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ได้ค่ะ โดยเขาจะมีหมายเลขบอกตามวัตถุต่างๆ หรือห้อง เราก็กดตามเลขเท่านั้นเองค่ะ

Neues Museum

Egyptian Room

ส่วนห้องโถงขนาดใหญ่ใน Neues Museum

Roman Room

Museumsinsel Garden

Pathway

ต่อมาเป็น Altes Museum (Old Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่เปิดขึ้นบน Museumsinsel ในปี 1830 โดยเก็บรวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ ในยุค Greek, Etruscan และ Roman

Altes Museum

ไม่ไกลจาก Altes Museum จะเห็นโบสถ์เด่นตั้งอยู่ นั่นคือ Berliner Dom หรือ Berlin Cathedral เป็นโบสถ์สถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนเรอแนซ็องส์ ถ้าจะเข้าไปชมภายในก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกเช่นกัน

Berliner Dom

Sculpture around Berliner Dom

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จก็เดินเล่นรอบๆ แล้วบังเอิญเจอสถานที่แห่งนี้ เป็นสุเหร่าที่สวยงามมาก นั่นคือ Neue Synagoge เป็นสถานที่ที่โดดเด่นแห่งหนึ่งในเบอร์ลินด้วยตัวโดมที่สวยงามสะดุดตา เป็นสุเหร่าสำหรับกลุ่มชาวยิวโดยเฉพาะ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมันในปี 1866 ถ้าต้องการเข้าชมภายในจะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 3 ยูโรค่ะ

Neue Synagoge

อีกสถานที่นึงที่แวะไปก่อนกลับบ้าน คือ Handwerkervereinshaus เป็นตึกอิฐสร้างเมื่อราวๆ ปี 1844 อยู่ตรงถนน Sophie Straße โดยใช้เป็น club house จนในปี 1904 กลายเป็นสถานที่ผลิตงานการฝีมือ รวมถึงเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับการเมืองในสมัยนั้นด้วย เพราะห้องโถงของ club house ถูกนำมาเป็นห้องประชุมของนักการเมือง

Handwerkervereinshaus

จากเมืองไวมาร์ก็เดินทางต่อมาที่เมืองเบอร์ลินเมืองหลวงของประเทศเยอรมันค่ะ พอดีพี่สาวของแฟนอยู่ที่เมืองนี้พอดี แต่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง การเดินทางของวันนี้คือปั่นจักรยานมาจอดที่ Hamburger Bahnhof ตรงถนน Invalidenstraße ตรงข้ามกับโรงพยาบาล Charité สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานีรถไฟของเบอร์ลินมาก่อน ต่อมาได้ถูกดัดแปลงมาเป็นที่พิพิธภัณฑ์ชื่อว่า Museum für Gegenwart (Museum of Present) เพื่อจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Berlin National Gallery ค่ะ

Hamburger Bahnhof

รูปปั้นตรงหน้าทางเข้า

ภายในมักจะมีการจัดแสดงศิลปะอยู่เสมอ ถ้าจะเข้าชมก็ต้องเสียค่าเข้านะจ๊ะ

ภายใน Hamburger Bahnhof

ด้านหน้า Hamburger Bahnhof มีแผ่นหินสลักชื่อศิลปินต่างๆ แน่นอนว่ามีศิลปินชาวไทยด้วยค่ะ

ตอนที่ไปเขากำลังจะจัดงานดนตรีอยู่พอดี และบังเอิญสายตาไปสะดุดกับก้อนสีเหลืองขนาดใหญ่ตรงสนามหญ้า เราก็เอ๊ะสงสัยมันคืออะไรกันน้า เอาไว้ทำอะไร ถามแฟน แฟนบอกว่า อ๋อ มันคือศิลปะน่ะ เราก็ห๊ะ ก้อนนี้อ่านะ

ด้านหลังของ Hamburger Bahnhof

ด้านข้างของ Hamburger Bahnhof นอกจากเป็นพิพิทธภัณฑ์แล้ว
ทางปีกอาคารด้านขวายังเป็นร้านอาหารด้วย

จากนั้นก็ขับจักรยานชมเมืองเบอร์ลินตามแม่น้ำ Spree แต่กว่าจะหาจักรยานที่ขนาดตัวเองขี่ได้นี่ยากมากจ้า ต้องไปขอยืมเพื่อนบ้านมา แล้วก็เป็นของเด็กน้อยด้วย นี่เป็นจักรยานเด็กแล้วนะ ยังต้องเขย่งอยู่เลย -_-“

ริมแม่น้ำ Spree

ถึงแล้ว Reichstag สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศเยอรมัน เคยเป็นที่ทำการของรัฐสภาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งและไม่ได้ใช้อีกงานเลย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงแล้ว อาคารหลังนี้ได้ถูกฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง จนกลายเป็นสถานที่ทำการของรัฐสภาที่ทันสมัยอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

Reichstag

มีรถไซส์ mini ให้เช่าขับเล่นรอบเมืองเป็นกลุ่มด้วย น่ารักดีเนอะ ^^

จุดเด่นของ Reichstag ที่นักท่องเที่ยวสนใจมาก การขึ้นไปชมวิวเบอร์ลินแบบ 360 องศาตรงโดมแก้วขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุดของ Reichtag สำหรับใครที่อยากขึ้นไปบนโดมนี้ก็สามารถจองตั๋วล่วงหน้าก่อนได้ทางเว็บไซต์เพราะว่านักท่องเที่ยวเข้าชมเยอะมากจริงๆ

โดมแก้วด้านบนของ Reichstag

ถัดจาก Reichstag เดินต่อมาอีกหน่อยใกล้ๆ กัน คือ Brandenburger Tor แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักประตูเมืองนี้ ซึ่งในกลางคืนเขาจะเปิดไฟสวยมากๆ

Brandenburger Tor

โรงแรมระดับห้าดาว Adlon

รถในสมัยสงครามโลก

มาเมืองเบอร์ลินก็ต้องเห็นหมี “Buddy Bear” จริงๆ แล้วเจ้าหมี Buddy Bear นี้เริ่มต้นมาจากการจัดศิลปะในเบอร์ลินเมื่อปี 2001 โดย Klaus และ Evan Herlitz ได้แรงบันดาลใจมาจากการนำศิลปะมาใช้บนท้องถนนอย่างเช่นการขบวนแห่วัวในเมืองซูริคและนิวยอร์ค จนกลายเป็น Street Art ในเมืองเบอร์ลิน และกลายเป็นสิ่งประทับของชาวเมืองเบอร์ลิน ปัจจุบัน Buddy Bear มีสีสันและลวดลายหลากหลายและอยู่กระจายตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองเบอร์ลิน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบอร์ลินไปซะแล้ว

Buddy Bear หน้า Berlin Story Shop

แวะซื้อของที่ระลึกจากร้าน Berlin Story Shop ก่อน

อีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่เดินทางมาเป็นกลุ่มแล้วอยากเที่ยวรอบเบอร์ลิน กิน ดื่มเบียร์ และออกกำลังกายไปในตัว สามารถเช่ารถแบบนี้ได้นะ

ปั่นรถเที่ยวรอบเมืองเบอร์ลิน

เดินมาเรื่อยๆ ก็มาเจออีกหนึ่งสถานที่ที่สร้างเพื่อระลึกถึงการสูญเสียของชาวยิวในสมัยโลกครั้งที่ 2 เรียกว่า ‘Holocaust Memorial” ปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อน และส่วนใหญ่เด็กๆ มักจะมาเล่นซ่อนหากันที่นี่

Holocaust Memorial - Berlin

ระหว่างที่ดาไปเบอร์ลินเป็นวันสุดท้ายที่เขาแข่งชิงแชมป์ FIFA World Cup 2014 พอดี จึงมีงาน Fanmile ที่บริเวณ Brandenburger Tor แม้ว่าจะเป็นช่วงกลางวันแต่คนเดินทางมาเที่ยวงานค่อนข้างเยอะทีเดียว ไม่ต้องนึกเลยว่าตอนช่วงเย็นจะมากขนาดไหน ดาเอาภาพบรรยากาศภายในงานมาฝากกันค่ะ